ทรานสมิตเตอร์ (Transmitter) คือ ตัวที่ทำหน้าที่ในการแปลงสัญญาณจากอุปกรณ์เครื่องมือวัดต่าง ๆ
(เซนเซอร์ หรือทรานสดิวเซอร์) เช่น อุณหภูมิ ความชื้น แรงดัน ให้เป็นสัญญาณมาตรฐานส่งออกทางด้านเอาต์พุต เช่น สัญญาณอนาล็อกมาตรฐานด้านเอาต์พุต 0-10 Vdc, 4-20 mA เป็นต้น เพื่อส่งไปยังส่วนควบคุม (Control Device), ส่วนประมวลผล (Calculator) หรือส่วนแสดงค่า (Indicating Device)ที่อยู่ห่างไกลออกไปจากเซนเซอร์หรือทรานสดิวเซอร์ แต่ก่อนที่ทรานสมิตเตอร์ (Transmitter) ส่งสัญญาณมาตรฐานส่งออกทางด้านเอาต์พุตออกไปอาจทำการปรับปรุงสัญญาณที่รับเข้ามาก่อนก็ได้ ซึ่งโดยทั่วไปลักษณะของปรับปรุงสัญญาณรวมถึง การขยายสัญญาณ (Amplification), Isolation, Linearization และกรองสัญญาณ (Filtering) ก่อนส่งไปยังส่วนประมวลผลและส่วนแสดงค่าต่อไป
เราพอแบ่งทรานสมิตเตอร์ ออกตามสัญญาณมาตรฐานทางด้านเอาต์พุต เป็น 2 ประเภทได้แก่ สัญญาณนิวแมติกส์และสัญญาณทางไฟฟ้า
1. สัญญาณนิวแมติกส์ (pneumatics signal) เป็นสัญญาณมาตรฐานที่อยู่ในรูปของความดันลม ใช้ความดันของลมใน
การควบคุมกระบวนการ ตัวอย่างสัญญาณมาตรฐานชนิดนิวแมติกส์ ได้แก่ 3-15 psi (BS) 0.2-1 bar (SI) และ 0.2-1 kg/cm2 (Metric)
2. สัญญาณทางไฟฟ้า (electrical signal) เป็นสัญญาณมาตรฐานที่อยู่ในรูปของแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า แบ่งออก
เป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ แรงดันไฟฟ้า 1-5 V กระแสไฟฟ้า 4-20 mA และ แรงดันไฟฟ้า 0-10 V กระแสไฟฟ้า 0-100 mA
สัญญาณวัดมาตรฐานแบบ Analog สัญญาณมาตรฐานมี 2 ชนิดคือ
1. สัญญาณกระแสไฟฟ้ามาตรฐาน เป็นการส่งสัญญาณในรูปของกระแสตรง (DC. Current) มาตรฐานที่นิยมใช้คือ
4-20 mA หมายความว่า เมื่อค่าวัดเป็น 0% เท่ากับกระแส 4 mA และค่าวัดเป็น 100 % เท่ากับกระแส 20 mA และค่าวัดซึ่งอยู่ในช่วง 0-100 % จะสัมพันธ์เป็นเชิงเส้นกับกระแส 4-20 mA
ข้อดีของการส่งสัญญาณเป็นกระแส คือ สามารถส่งสัญญาณไปได้ระยะไกลๆ ความต้านทานของสายส่งสัญญาณ จะไม่ทำให้ค่าวัดผิดพลาด และการถูกสัญญาณรบกวนจะน้อยกว่าการส่งเป็นแรงดันไฟฟ้า นอกจากมาตรฐาน 4-20 mA แล้วยังมีมาตรฐานแบบอื่นอีกแต่คนนิยมใช้น้อย เช่น 0-20 mA, 10-50 mA, 0-1 mA
2. สัญญาณแรงดันไฟฟ้ามาตรฐาน เป็นการส่งสัญญาณในรูปของแรงดันไฟฟ้า (DC Voltage) มาตรฐานที่นิยมใช้คือ 1-5 Vdc หมายความว่า เมื่อค่าวัดเป็น 0% เท่ากับ แรงดัน 1 V และค่าวัด เป็น 100 % เท่ากับแรงดัน 5 V การใช้สัญญาณมาตรฐานแบบแรงดันนี้ไม่เหมาะกับการที่ต้องส่งสัญญาณระยะไกลเนื่องจากความต้านทานของสายสัญญาณจะทำให้ค่าวัดผิดไป และถูกสัญญาณรบกวนได้ง่าย สัญญาณแบบแรงดันนี้เหมาะกับการส่งสัญญาณระยะใกล้ และมีการต่อเข้ากับอุปกรณ์รับสัญญาณหลายแบบ เนื่องจากสะดวกในการติดตั้ง นอกจากสัญญาณมาตรฐาน 1-5 V แล้วยังมีมาตรฐานอื่นแต่นิยมใช้น้อย คือ 0-10 V, 0-5 V, 0-10 mV
ตัวอย่าง : ในกรณีเครื่องชั่งไม่อัตโนมัติต้องใช้โหลดเซล 4 ตัวทำการต่อเชื่อมด้วยระบบสายสัญญาณไฟฟ้าเข้าด้วยกันแบบ 6 wire load cell (ดูรูปที่ 11)เป็นระบบที่มีเสถียรภาพมากกว่าระบบสายสัญญาณแบบ 4 wire load cell ทั้งนี้เพราะสายสัญญาณ +Sense และ –Sense ตรวจสอบพบว่าแรงดันไฟฟ้าด้านทางเข้าโหลดเซลหรือด้านกระตุ้นโหลดเซลนั้นต่ำหรือสูงเกินกว่าที่กำหนด ก็จะการส่งสัญญาณไปยังแหล่งจ่ายไฟฟ้ากำลังเพื่อทำการปรับแรงดันกระตุ้น (excitation voltage) ให้เป็นไปตามที่กำหนด
ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้โหลดเซลที่เป็นแบบ “6 wire load cell” จึงสามารถติดตั้งโหลดเซลได้ระยะไกลเกินกว่า 20 เมตรห่างออกจากส่วนแสดงค่า (indicator) นอกจากนี้กล่องรวมสายสัญญาณไฟฟ้า (Junction Box) ระหว่างโหลดเซล 4 ตัวยังเป็นชิ้นส่วนอันสำคัญในการบริหารจัดการรวมทั้งคุณภาพของงระบบเครื่องชั่งอย่างยิ่ง เช่น ความเสถียรของแรงดันไฟฟ้าด้านทางเข้าโหลดเซลหรือด้านกระตุ้นโหลดเซล, การขยายสัญญาณ (Amplification), Isolation, Linearization และกรองสัญญาณ (Filtering) เป็นต้น ก่อนส่งไปยังส่วนควบคุม (Control Device), ส่วนประมวลผล (Calculator), หรือส่วนแสดงค่า (Indicating Device) ที่อยู่ห่างไกลออกไปจากเซนเซอร์ หรือทรานสดิวเซอร์ กล่องรวมสายสัญญาณไฟฟ้า (Junction Box) ของโหลดเซลดังกล่าวจึงทำหน้าที่ “Load Transmitter”
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : สำนักงานกลางชั่งตวงวัด http://www.cbwmthai.org